tag:blogger.com,1999:blog-66605325309872668332024-03-13T11:58:53.820-07:00tuktiktuktikhttp://www.blogger.com/profile/06431285309585839439noreply@blogger.comBlogger4125tag:blogger.com,1999:blog-6660532530987266833.post-72328079714463333862007-11-12T20:05:00.001-08:002007-11-12T20:05:51.055-08:00<p style="visibility:visible;"><object type="application/x-shockwave-flash" data="<a href=">http://widget-71.slide.com/widgets/slideticker.swf</a>" height="320" width="426" style="width:426px;height:320px"><param name="movie" value="<a href=">http://widget-71.slide.com/widgets/slideticker.swf</a>" /><param name="quality" value="high"><param name="scale" value="noscale"><param name="salign" value="l"><param name="wmode" value="transparent"> <param name="flashvars" value="cy=ms&il=1&channel=1224979098645282673&site=widget-71.slide.com"></object><p><a href="http://www.slide.com/pivot?cy=ms&ad=0&id=1224979098645282673&map=1" target="_blank"><img src="http://widget-71.slide.com/p1/1224979098645282673/ms_t016_v000_a000_f00/images/xslide1.gif" border="0" ismap="ismap" /></a> <a href="http://www.slide.com/pivot?cy=ms&ad=0&id=1224979098645282673&map=2" target="_blank"><img src="http://widget-71.slide.com/p2/1224979098645282673/ms_t016_v000_a000_f00/images/xslide2.gif" border="0" ismap="ismap" /></a></p></p>tuktikhttp://www.blogger.com/profile/06431285309585839439noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-6660532530987266833.post-87777892405770319982007-10-13T08:48:00.000-07:002007-10-13T08:48:28.416-07:00ลักษณะของการฟัง<br />การฟังเพลงสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ประเภท<br />1. ฟังผ่านหู (Passive Listening) เป็นการฟังที่ไม่ได้ตั้งใจฟัง มักมีกิจกรรมอื่น ๆ รวมอยู่ด้วย เช่น ดนตรีสำหรับพิธีกรรมต่าง ๆ ดนตรีประกอบการแสดง เพื่อเสริมสร้างบรรยากาศ ผู้ฟังไม่ให้ความสนใจในรายละเอียด หรือติดตามลีลาทำนองเพลงอย่างใกล้ชิด ทำให้ไม่สามารถเข้าใจ หรือรู้สึกกับบทเพลงนั้นได้อย่างแท้จริง<br />2. ฟังด้วยความรู้สึก (Sensuous Listening) มีความตั้งใจฟังมากขึ้น ผู้ฟังให้ความสนใจกับเสียงร้อง หรือเสียงเครื่องดนตรีมากกว่าลีลา หรือเรื่องราว ความหมายของบทเพลง อาจเป็นเพราะนักร้องมีเสียงที่ดี แปลก หรือเสียงเครื่องดนตรีแปลกใหม่ เป็นที่น่าสนใจ การฟังระดับนี้เป็นเป็นการฟังเสียงที่มากกว่าการฟังที่อารมณ์เพลง แต่ยังไม่สามารถเข้าใจสาระของเพลงเท่าใดนัก<br />3. ฟังด้วยอารมณ์ (Emotional Listening) เป็นการฟังที่ผู้ฟังต้องการเสพบรรยากาศหรืออารมณ์ของเพลงนั้น ๆ เช่น การฟังเพลงปลุกใจ การฟังในลักษณะนี้ผู้ฟังจะได้บรรยากาศ อารมณ์ หรือเนื้อหามากกว่าสองอย่างที่กล่าวมา แต่ยังขาดการเอาใจใส่ที่จดจ่อต่อรายละเอียดต่าง ๆ การฟังยังฟังแต่สิ่งที่ต้องการฟังเท่านั้น สิ่งอื่น ๆ จึงปล่อยผ่านไป<br />4. ฟังด้วยอารมณ์ซาบซึ้ง (Perceptive Listening) ผู้ฟังใช้สมาธิในการฟังเป็นอย่างมาก เพื่อจะรับรู้และเข้าใจเพลงนั้นทั้งหมด ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เมื่อได้ยินลีลา จังหวะ ทำนอง ก็จดจำ และใช้สัญชาตญาณทางดนตรีที่มีอยู่ในทุกคน เป็นเครื่องมือช่วยสร้างความเข้าใจในบทเพลงนั้น การฟังระดับนี้ผู้ฟังจะได้รับรสชาติมากที่สุด นอกจากนี้ยังสามารถหยั่งรู้ถึง ลีลา ศิลปะ จินตนาการในการแต่งของผู้ประพันธ์เพลง ศิลปะการบรรเลงของนักดนตรี นับว่าเป็นการฟังในขั้นที่ผู้ฟังสามารถได้รับประโยชน์มากที่สุด เพื่อเป็นแนวทางในการจินตนาการของผู้ฟังและความเข้าใจในบทเพลงที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น<br /><br />การสร้างรสนิยมดนตรีในการฟัง<br />การรับรู้ถึงศิลปะ และการที่มนุษย์จะนำเอาดนตรีที่มีคุณค่ามาใช้ในชีวิตประจำวันได้นั้น ต้องอาศัยการฟังดนตรีรูปแบต่าง ๆ อย่างกว้างขวาง เข้าใจถึงอารมณ์ ความรู้สึก ความงามของเสียงดนตรี ผู้ฟังต้องอาศัยการฟังที่ใช้สมาธิอย่างมาก จึงจะได้รับประโยชน์จากการฟังดนตรี<br />การสร้างรสนิยมที่ดีในการฟังดนตรี มีส่วนช่วยส่งเสริมการฟัง และปลูกฝังรสนิยมที่ดีในการฟังเพลงให้บุคคลสามารถฟังดนตรีต่าง ๆ ได้อย่างกว้างขวาง เช่น Classical Music, Light Music, Popular Music, Jazz และ Folk Song โดยการปลูกฝังการฟัง และฝึกฟัง ดังนี้<br />1. ฟังดนตรีที่ฟังง่าย ๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีก<br />2. ฟังเพลงประสมวงที่มีเครื่องดนตรีไม่กี่ชิ้น<br />3. ฟังเพลงเดียวกันจากหลาย ๆ วง เพื่อเปรียบเทียบฝีมือ<br />4. ศึกษาทฤษฎีดนตรี หาความรู้เกี่ยวกับประวัติเพลง ผู้บรรเลง และฝึกวิจารณ์<br />5. ฟังเพลงที่มีการบรรเลงซับซ้อน จากวงดนตรีประเภท มโหรี ปี่พาทย์ วงแซมเบอร์ สตริงคอมโบ และวงดุริยางค์<br />6. ศึกษาทฤษฎีดนตรี ถ้าได้ฝึกปฏิบัติเครื่องดนตรีด้วยก็ยิ่งดีtuktikhttp://www.blogger.com/profile/06431285309585839439noreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-6660532530987266833.post-86248204280700715382007-10-02T22:47:00.000-07:002007-10-02T22:47:07.428-07:00สุนทรียศาสตร์สุนทรียศาสตร์ คือ วิชาที่ว่าด้วยความงาม รวมถึงความงามที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติและผลงานที่มนุษย์สร้างขึ้น<br /><br />ประโยชน์ของสุนทรียศาสตร์<br />1.ทำให้คนมีจิตใจอ่อนโยน มองโลกในแง่ดี มองอย่างมีเหตุผล<br />2.ส่งเสริมแนวทางในการแสวงหาความสุขจากความงามทั้งที่เป็นรูปธรรมและนามธรรม<br />3.ส่งเสริมกระบวนการคิด การตัดสินความงามอย่างสมเหตุสมผล<br />4.สร้างเสริมประสบการณ์สุนทรียะให้กว้างขวาง เพื่อดำรงอย่างสันติสุข<br />5.ส่งเสริมให้เห็นความสำคัญของสรรพสิ่งและสามารถบูรณาการ เพื่อประยุกต์ให้เป็นประโยชน์กับชีวิตประจำวันด้วยเหตุผลและความรู้สึกที่สอดคล้องกัน<br /><br />ประโยชน์ของสุนทรียศาสตร์ต่อวิชาชีพพยาบาล<br /> วิชาชีพพยาบาลเป็นศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับความงามทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ การที่มีผู้มารับบริการมาใช้บริการรักษาพยาบาล หากพยาบาลมีจิตใจอ่อนโยน นุ่มนวลก็จะทำให้ผู้มาใช้บริการรู้สึกสดชื่น มีความสุขไปด้วยtuktikhttp://www.blogger.com/profile/06431285309585839439noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-6660532530987266833.post-61154492412309494892007-09-27T01:25:00.001-07:002007-09-27T01:25:52.693-07:00<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiIiIJYu33t_vhWkolhSJ802KY1rUaniNCLE-jQUQuLAuYkq1WdXT9gKCblmjDgoL0cV7zYQ_vmYhDXp2QtJOBU6eSv6nU5fBwpu3E8XFIOnSkcWmC_ErJXvZYVtpVa33xLaa71TD5fidw/s1600-h/สวย.png"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5114797146078178946" style="FLOAT: left; MARGIN: 0px 10px 10px 0px; CURSOR: hand" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiIiIJYu33t_vhWkolhSJ802KY1rUaniNCLE-jQUQuLAuYkq1WdXT9gKCblmjDgoL0cV7zYQ_vmYhDXp2QtJOBU6eSv6nU5fBwpu3E8XFIOnSkcWmC_ErJXvZYVtpVa33xLaa71TD5fidw/s320/%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%A2.png" border="0" /></a><br /><div></div>tuktikhttp://www.blogger.com/profile/06431285309585839439noreply@blogger.com0